Velvet Buzzsaw 2019 ศิลปะเลือด ดูหนัง netflix
ตัวอย่างหนัง Velvet Buzzsaw 2019 ศิลปะเลือด ดูหนัง netflix
ภาพยนตร์ระทึกขวัญอาร์ตหลอนซ่อนเลือดเกี่ยวกับวงการศิลปะในลอนแอนเจลิส ที่ศิลปินชื่อดังและนักสะสมเงินทุนหนาต้องเผชิญหน้าเมื่อโลกศิลปะและการค้ามาปะทะกัน โดยเหตุเกิดจากนักค้าศิลปะไปค้นพบผลงานอันน่าลุ่มหลงอย่างแปลกประหลาดของศิลปินลึกลับที่เสียชีวิตอย่างกระทันหันนาม ดีส โดยผู้ที่เกี่ยวข้องล้วนต้องเจอกับความหลอนถึงชีวิตจากศิลปะของเขาทั้งสิ้น
เรื่องย่อมีอยู่ว่า มอร์ฟ (Jake) เป็นนักวิจารณ์ภาพวาด ที่จู่ๆก็ต้องเข้าไปพัวพันกับภาพวาดปริศนาของศิลปินลึกลับคนนึง ก่อนที่คนรอบข้างจะพากันล้มตายอย่างไม่มีสาเหตุ แค่เรื่องย่อก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะครับ แบบนี้หนังจริงต้องออกมาดีแน่นอน!
แต่กลายเป็นว่า หนังไม่ได้ออกมาเป็นแบบที่ผมคิดเลย เรียกได้ว่าน่าผิดหวังด้วยซ้ำไป (ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นความเห็นส่วนตัว) จากที่คิดไว้ว่าจะเป็นหนังสยองขวัญตลกร้ายที่มีเนื้อหาแบบ satirical ก็กลายเป็นแค่หนังดราม่า + satire ที่มีความสยองเป็นส่วนประกอบเท่านั้น ผิดหวังเรื่องนี้ไม่เท่าไหร่ หนังดันออกมาไม่ค่อยดีอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆเรา ขอพูดเป็นส่วนๆละกันนะครับ
ดราม่า – เป็นส่วนใหญ่ๆของหนังเลยที่มีความดราม่าเป็นหลัก และก็ไม่ใช่ดราม่าแบบที่ตัวเอกมานั่งเศร้าร้องไห้ฟูมฟาย แต่จะเป็นดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมากกว่า แต่หนังก็ไม่ได้แตะตรงนี้ลึกเท่าที่ควร
เสียดสี – แน่นอนว่าก็เสียดสีเรื่องราวในวงการศิลปะนั่นแหละ แต่เท่าที่ผมดู ส่วนนี้ไม่ได้ถูกขับออกมาชัดเจนสักเท่าไร และผมก็ไม่รู้ด้วยว่ามันเสียดสีอะไรยังไง เพราะตัวละคร (ที่เป็นคนในแวดวงศิลปะ) พูดคุยกันเยอะเหลือเกิน เหมือนไม่ได้เจอกันเป็นสิบปี เรียกได้ว่ามีบทสนทนาเกิดขึ้นแทบจะตลอดเวลา แต่การคุยกันในเรื่องนี้มันช่างน่าเบื่อเอามากๆ ไม่ลื่นไหลเอาซะเลย ก็ทำให้หนังจืดไปเยอะเลย
สยองขวัญ – เป็นองค์ประกอบที่มีน้อยที่สุดในเรื่องนี้ แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้หนังโดดเด่นมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งสำหรับผม ส่วนนี้ทำออกมาได้น่าติดตามที่สุดละ ฉากสยองทีไรก็ยังได้ลุ้นอยู่บ้าง แถมฉากโหดก็สยองใช้ได้เลยล่ะ ฉากแขนคือโหดเกินคาดเลยแหละ55555 (แต่ข้อเสียคือ ตัวอย่างสปอยล์เยอะไปนิด)
นอกจากนี้ หนังก็ไม่ได้มีสาระอะไรมาก เหตุผลของการกระทำต่างๆในเรื่องก็ไม่ถูกอธิบายเลย ปล่อยให้คนดูงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอนจบก็ไร้เหตุผลเอามากๆ ไปอ่านรีวิวบางคนเค้าถึงกับบ่นเลยว่านี่กูดูอะไรไปวะเนี่ย!?
จริงๆหนังก็ไม่ได้แย่ถึงขนาดดูไม่ได้หรอกนะครับ (ยังไงก็ดีกว่า The Open House เยอะ) เพียงแค่มันไม่ใช่หนังสยองล้วนแบบที่ตัวอย่างตัดมา ตัวหนังไม่ค่อยน่าเบื่อ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสนุกอะไร ปูเรื่องนาน ดราม่าเยอะ คุยเยอะ ความสยองกลางๆ แต่ผมว่าโอเคนะ ส่วนเรื่องนักแสดงก็เล่นดีเอาเรื่องอยู่นะ จะว่าไป สิ่งที่ทำให้ผมดูจบก็เพราะนักแสดงนี่แหละ ถ้าขาดใครสักคนไปหนังคงจืดมากกว่านี้แน่ๆ (แต่ตัวละครก็เยอะจนแบ่ง airtime ไม่ค่อยพอดี) ยังไงก็ลองดูได้ครับ หนังก็น่าสนใจอยู่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับช่วงนี้ครับ